วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รูปแบบของการจัดการความรู้

รูปแบบของการจัดการความรู้
              
                รูปแบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management Model) คือ การอธิบายถึงปัจจัยองค์ประกอบ และกระบวนการของการจัดการความรู้ ทั้งนี้รูปแบบการจัดการความรู้ไม่มีรูปแบบที่แน่นนอนตายตัว ไม่มีผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับมิติของการตีความ รวมถึงบริบทและสภาพแวดล้อมทางด้านสังคมด้วย การนำรูปแบบการจัดการความรู้ที่ประสบความสำเร็จ ขององค์กรอื่นมาใช้ในกระบวนการจัดการความรู้ขององค์กรตนเอง มิได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จในการจัดการความรู้เสมอไป การศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการจัดการความรู้ เป็นส่วนที่มีความสำคัญในการที่จะเข้าถึงองค์ประกอบ และกระบวนการจัดการความรู้ในด้านอื่นๆ เพื่อนำสิ่งที่ดีขององค์กรอื่นมาเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบของการจัดการความรู้ ที่มีความเหมาะสมสำหรับองค์กรของตน

รูปแบบของการจัดการความรู้ ของกลุ่ม Be in unity
                1. การหาแหล่งความรู้
                2. การเรียนรู้
                3. การจัดการความรู้
                4. กลั่นกรองความรู้
                5. กระบวนการและเครื่องมือ
                6. การสื่อสาร
                7. การจัดการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรม
                8. การนำความรู้ไปใช้
                9. การปรับปรุงความรู้
                10. การจัดและประเมินผล
                11. การเก็บรักษาความรู้
                12. การยกย่องชมเชยและให้รางวัล


 รูปแบบการจัดการความรู้ของกลุ่ม Be in unity ประกอบด้วยกระบวนการดังนี้
 กระบวนการของการจัดการความรู้
1. การหาแหล่งความรู้  หมายถึง  การค้นหาจากแหล่งความรู้ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานโดยดำเนินการวิเคราะห์ถึงแหล่งความรู้ที่องค์กรจำเป็นต้องมี  และที่มีอยู่เหล่านั้นจะมาจากที่ใดบ้าง  เช่น  ผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกองค์กร  ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิคส์  ห้องสมุด  งานวิจัย  เอกสาร ตำรา จุลสาร  วารสารเป็นต้น  ยกตัวอย่างเช่น  การจัดทำทำเนียบผู้เชี่ยวชาญขององค์กร  โดยการระบุรายชื่อของผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรว่ามีใครบ้าง ซึ่งอาจจะมาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร  เพราะการมีรายชื่อ และเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อ ทั้งนี้เพื่อให้บุคลากรภายในองค์กรสามารถติดต่อ  สอบถามหรือปรึกษาปัญหาการทำงานได้อย่างสะดวก   เพราะการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิผล คือ การลดค่าใช้จ่าย  การลดเวลาการทำงานให้น้อยลง  ดังนั้นเมื่อผู้ปฏิบัติงานประสบปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้แต่มีรายชื่อผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวก็จะทำให้การทำงานเกิดความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น  เช่น รายชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยเชิงคุณภาพของมหาวิทยาลัยมีใครบ้าง  เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก  และช่องทางในการติดต่อที่สามารถสื่อสารระหว่างกันตามความเหมาะสมขององค์กร  อาจจะเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เป็นต้น

2. การเรียนรู้ (Learning) หมายถึง การได้รับความรู้ พฤติกรรม ทักษะ คุณค่า หรือความพึงใจ ที่เป็นสิ่งแปลกใหม่หรือปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ การเรียนรู้ของมนุษย์อาจเกิดขึ้นจากส่วนหนึ่งของการศึกษา การพัฒนาส่วนบุคคล การเรียนการสอน หรือการฝึกฝน เป็นการเตรียมความพร้อม สร้างความเข้าใจ เพื่อให้บุคลากรตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการความรู้ รวมถึงจัดการฝึกอบรมที่เหมาะสมให้กับบุคลากร

3. การจัดการความรู้(Knowledge Management) หมายถึง กระบวนการอย่างมีระบบเกี่ยวกับการประมวลข้อมูล สารสนเทศ ความคิด การกระทำ ตลอดจนประสบการณ์ของบุคคลเพื่อสร้างเป็นความรู้หรือนวัตกรรม และจัดเก็บในลักษณะของแหล่งข้อมูลที่บุคคลสามารถเข้าถึงได้โดยอาศัยช่องทางต่าง ๆ ที่องค์กรจัดเตรียมไว้ เพื่อนำความรู้ที่มีอยู่ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งก่อให้เกิดการแบ่งปันและถ่ายโอนความรู้ และในที่สุดความรู้ที่มีอยู่จะแพร่กระจายและไหลเวียนทั่วทั้งองค์กรอย่างสมดุล เป็นไปเพื่อเพิ่มความสามารถในการพัฒนาผลผลิตและองค์กร

4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification and Refinement) คือ การสร้างความมั่นใจว่าความรู้ที่ได้มีการรวบรวมและจัดเก็บเป็นความรู้ที่ถูกต้อง ทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อการนําไปใช้ หรือประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง ในการจัดทําคู่มือต่างๆ จึงกําหนดให้มีการแต่งตั้งคณะทํางานซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้ที่มีประสบการณ์สูงในองค์ความรู้นั้นๆ ได้ตรวจสอบ กลั่นกรองความรู้และปรับแก้ไขให้ถูกต้องเสียก่อนจึงจะนําองค์ความรู้ดังกล่าวไปเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ 

5. กระบวนการและเครื่องมือ ( Process and Tool) เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เกิดพัฒนาการของความรู้ หรือการจัดการความรู้ที่จะเกิดขึ้นภายในองค์กร เช่น ช่วยให้การค้นหา เข้าถึง ถ่ายทอด และแลกเปลี่ยนความรู้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยการเลือกใช้กระบวนการและเครื่องมือที่ขึ้นอยู่กับชนิดของความรู้, ลักษณะขององค์กร (ขนาด,  สถานที่ตั้ง ฯลฯ), ลักษณะการทำงาน, วัฒนธรรมองค์กร, ทรัพยากร เป็นต้น

6. การสื่อสาร (Communication) คือ กระบวนการสำหรับแลกเปลี่ยนสาร รูปแบบอย่างง่ายของสาร คือ จะต้องส่งจากผู้ส่งสารหรืออุปกรณ์เข้ารหัส ไปยังผู้รับสารหรืออุปกรณ์ถอดรหัส อาจอยู่ในรูปแบบของท่าทางสัญลักษณ์ บ้างอย่างอยู่ในรูปแบบของภาษา การสื่อสารเกิดจากความต้องการที่คนจะส่งข้อมูลหากัน

7. การจัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Transition and Behavior Management) การจัดการความรู้ที่มีประสิทธิภาพเริ่มต้นจากการที่คนใน องค์กรมีการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความเชื่อและพฤติกรรมที่องค์กรต้องการให้เกิดขึ้นสามารถ ซึมลึกเข้าไปในบรรทัดฐานและค่านิยมของคนในองค์กรจนกลายเป็น วัฒนธรรม องค์กรควรทำการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้มี การแลกเปลี่ยนความรู้โดยการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรควรเริ่มต้นจากผู้บริหาร แล้วจึงขยายผลไปสู่บุคลากรทุกระดับ
8. การนำความรู้ไปใช้ (Knowledge Reuse) คุณค่าของความรู้อยู่ที่การนำไปใช้ ความรู้คือสิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้าหรือประสบการณ์รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะความเข้าใจ จากประสบการณ์ที่ได้ยิน ได้เห็นและการคิดหรือปฏิบัติ โดยเฉพาะเมื่อมีการประยุกต์ความรู้เพื่อสร้างความสามารถ และนำไปปฏิบัติก็จะทำให้เกิดผลประโยชน์

9. การปรับปรุงความรู้ คือ การปรับปรุงย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดคุณภาพใหม่ในองค์กร ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้บริหารคิดหาแนวทางที่ทำให้การปรับปรุงสามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

10. การวัดและประเมินผล (Measurement) การวัดผลเพื่อให้ทราบถึงสถานะ ความคืบหน้าและผลที่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถทบทวน และปรับปรุงกระบวนการต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
     การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดรวมกับการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ โดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เพื่อให้ได้ผลเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง


11. การเก็บรักษาความรู้ (Knowledge Maintenance) หมายถึง กระบวนการทบทวน ความถูกต้อง ความทันสมัยของความรู้ก่อนที่จะนำไปใช้ในระบบฐานความรู้ (Knowledge Base) ขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้จากความสำเร็จ (Best Practice) เทคนิควิธีการ (Know-How) ในการแก้ปัญหาต่าง ๆในการทำงาน เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถพัฒนาได้จนกลายเป็นภูมิปัญญา (Wisdom) ขององค์กรได้

12. การยกย่องและการให้รางวัล(Recognition and Reword) เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกระดับ โดยพิจารณาถึงความสอดคล้องด้านความต้องการของบุคลากร แรงจูงใจระยะสั้นและระยะยาว การบูรณาการกับระบบที่มีอยู่ การปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกิจกรรมที่ทำในแต่ละช่วงเวลา





















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น